บทที่ 6 ทรัพย์สินทางปัญญา
ความหมายของทรัพย์สินทางปัญญา
ทรัพย์สินทางปัญญา
ทรัพย์สิน คือ
วัตถุที่มีรูปร่างซึ่งอาจมีราคาและอาจถือเอาได้ เช่น บ้าน ที่ดิน ลิขสิทธิ์
สิทธิบัตร เป็นต้น ปัญญา คือ ความรอบรู้
ความรู้ทั่วไปความฉลาดเกิดแต่เรียนและความคิด เมื่อรวมทั้ง 2 คำเข้าด้วยกัน ทรัพย์สินทางปัญญา จึงหมายถึงความรู้ที่เกิดจากการคิดค้นจนทำให้เกิดมีค่าขึ้นได้
หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า
ทรัพย์สินทางปัญญาได้แก่การที่ผู้ใดหรือคณะบุคคลใดร่วมกันประดิษฐ์คิดค้น ออกแบบ
สร้างสรรค์ จนเกิดผลขึ้นมา
และผลงานนั้นมีคุณค่าสามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งงานเกษตรกรรม อุตสาหกรรม
และพาณิชยกรรม
ทรัพย์สินทางปัญญามีความสำคัญอย่างไร
ปัจจุบันทรัพย์สินทางปัญญานับว่าเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง
และควรค่าต่อการที่จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ด้วยเหตุผลที่ว่า
การประดิษฐ์คิดค้น กรรมวิธีต่างๆ นั้น
จุดกำเนิดของการได้มานั้นมาจากความคิดมาจากมันสมองผนวกกับระยะเวลาที่ทุ่มเทให้กับการศึกษาวิจัยเพื่อให้ได้มาซึ่งผลงานนวัตกรรมใหม่ๆ
ที่ทรงคุณค่าเป็นที่ภูมิใจของผู้ประดิษฐ์ ดังนั้นด้วยเหตุ
นี้เองผลงานดังกล่าวจึงควรค่าแก่การคุ้มครอง
จากเหตุที่กล่าวมาจึงได้มีการบัญญัติเป็นกฎหมายเพื่อให้การคุ้มครอง
โดยมีพระราชบัญญัติสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า
ให้การคุ้มครองในหลักการรูปแบบที่แตกต่างกันไป
ประเภทของทรัพย์สินทางปัญญา
โดยทั่ว ๆ ไป คนไทยส่วนมากจะคุ้นเคยกับคำว่า "ลิขสิทธิ์"
ซึ่งใช้เรียกทรัพย์สินทางปัญญาทุกประเภท โดยที่ถูกต้องแล้ว
ทรัพย์สินทางปัญญาแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ที่เรียกว่า
ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม (Industrial property) และลิขสิทธิ์
(Copyright) ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรมไม่ใช่สังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ทางอุตสาหกรรม
แท้ที่จริงแล้วทรัพย์สินทางอุตสาหกรรมนี้เป็นความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่เกี่ยวกับสินค้าอุตสาหกรรม
ความคิดสร้างสรรค์นี้จะเป็นความคิดในการประดิษฐ์คิดค้น
การออกแบบผลิตภัณฑ์ทางอุตสาหกรรม ซึ่งอาจจะเป็นกระบวนการ
หรือเทคนิคในการผลิตที่ได้ปรับปรุงหรือคิดค้นขึ้นใหม่ หรือที่เกี่ยวกับตัวสินค้า
หรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นองค์ประกอบ และรูปร่างสวยงามของตัวผลิตภัณฑ์
นอกจากนี้ยังรวมถึงเครื่องหมายการค้าหรือยี่ห้อ ชื่อ และถิ่นที่อยู่ทางการค้า
ที่รวมถึงแหล่งกำเนิดสินค้าและการป้องกันการแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม
ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม สามารถแบ่งออก ได้ดังนี้
- สิทธิบัตร (Patent)
- เครื่องหมายการค้า (Trademark)
- แบบผังภูมิของวงจรรวม (Layout-Designs of Integrated Circuit)
- ความลับทางการค้า (Trade Secrets)
- ชื่อทางการค้า (Trade Name)
- สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication)
ความหมายของทรัพย์สินทางปัญญาแต่ละประเภท
ลิขสิทธิ์ งานหรือความคิดสร้างสรรค์ในสาขาวรรณกรรม ศิลปกรรม ดนตรีกรรม
งานภาพยนตร์ หรืองานอื่นใดในแผนกวิทยาศาสตร์
สิทธิ์ข้างเคียง (Neighbouring Right) คือ
การนำเอางานด้านสิทธิ์ออกแสดง เช่น นักแสดง ผู้บันทึกเสียงและสถานีวิทยุ โทรทัศน์ ในการบันทึกหรือถ่ายทอดเสียงหรือภาพ
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Computer Program หรือ Computer
Software) คือ
ชุดคำสั่งที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อกำหนดให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน
งานฐานข้อมูล (Database) คือ ข้อมูลที่ได้เก็บรวบรวมขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ด้านต่าง
ๆ
สิทธิบัตร หมายถึง หนังสือสำคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์( Invention) การออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design) หรือผลิตภัณฑ์อรรถประโยชน์
(Utility Model) ที่มีลักษณะตามที่กฎหมายกำหนด
การประดิษฐ์ คือ ความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับลักษณะ องค์ประกอบ โครงสร้าง
หรือกลไกของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งกรรมวิธี ในการผลิต
การรักษาหรือปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์
การออกแบบผลิตภัณฑ์ คือ
ความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับการทำให้รูปร่างลักษณะภายนอกของผลิตภัณฑ์เกิดความสวยงาม
และแตกต่างไปจากเดิม
ผลิตภัณฑ์อรรถประโยชน์ หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อนุสิทธิบัตร ( Petty
Patent) จะมีลักษณะคล้ายกันกับการประดิษฐ์
แต่เป็นความคิดสร้างสรรค์ที่มีระดับการพัฒนาเทคโนโลยีไม่สูงมาก
หรือเป็นการประดิษฐ์คิดค้นเพียงเล็กน้อย
แบบผังภูมิของวงจรรวม หมายถึง แผนผังหรือแบบที่ทำขึ้น
เพื่อแสดงถึงการจัดวางและการเชื่อมต่อของวงจรไฟฟ้า เช่น ตัวนำไฟฟ้า หรือตัวต้านทาน
เป็นต้น
เครื่องหมายการค้า (Trade Mark) เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์หรือตราที่ใช้สินค้า
หรือบริการ ได้แก่
-
เครื่องหมายบริการ (Service Mark) คือ
เครื่องหมายที่ใช้เป็นที่หมายเกี่ยวข้องกับสินค้าเพื่อแสดงว่าสินค้าที่ใช้เครื่องหมายนั้นแตกต่างกับบริการที่ใช้เครื่อง
หมายบริการของบุคคลอื่น เช่น เครื่องหมายของสายการบิน ธนาคาร โรงแรม เป็นต้น
-
เครื่องหมายรับรอง (Certification Mark) คือ
เครื่องหมายที่เจ้าของเครื่องหมายรับรองใช้เป็นที่หมายหรือเกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการของบุคคลอื่น
เพื่อเป็นการรับรองคุณภาพของสินค้า หรือบริการนั้น เช่น เชลล์ชวนชิม แม่ช้อยนางรำ
เป็นต้น
-
เครื่องหมายร่วม (Colective Mark) คือ
เครื่องหมายการค้า
หรือเครื่องหมายบริการที่ใช้โดยบริษัทหรือรัฐวิสาหกิจในกลุ่มเดียวกัน
หรือโดยสมาชิกของสมาคม กลุ่มบุคคล หรือองค์กร อื่นใดของรัฐหรือเอกชน เช่น ตราช้าง
ของบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด เป็น
การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา
การป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
(1) กรณีถูกดำเนินคดีอาญา
ผู้ถูกจับย่อมมีสิทธิ์ตามกฎหมายที่จะขอตรวจดูเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการกระทำใด
ๆ อันกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของตนเอง
(2) การค้นในที่รโหฐานจะต้องมีคำสั่งหรือหมายศาล มาแสดงก่อนจึงจะทำการค้น
(3) ของกลางในคดีละเมิดลิขสิทธิ์ที่ถูกยึดหรืออายัด คือ เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดเท่านั้น เช่น คอมพิวเตอร์ที่บันทึกเพลงละเมิดลิขสิทธิ์ เป็นต้น
(4) กรณีตกเป็นผู้ต้องหาย่อมมีสิทธิ์ ดังนี้
ก. สิทธิ์พบและปรึกษาผู้ที่จะเป็นทนายความสองต่อสอง
ข. สิทธิ์ได้รับการเยี่ยมตามสมควร
ค. สิทธิ์ได้รับการรักษาพยาบาล โดยเร็วเมื่อเกิดอาการเจ็บป่วย
ง. สิทธิ์ขอทราบข้อกล่าวหาในการกระทำความผิด เนื่องจากบุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมายและได้รับการความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกันโดยไม่เลือกปฏิบัติ
(5) การประกันตัวผู้ต้องหา หลักฐานที่ต้องนำมาใช้ในการประกันตัวผู้ต้องหา คือ โฉนด ที่ดิน เงินสด หรือบุคคลที่เป็นข้าราชการพลเรือนตำแหน่งระดับ 6 ขึ้นไป กรณีนี้คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2546 ให้ถือปฏิบัติห้ามไม่ให้ข้าราชการประกันตัวผู้ต้องหาในคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
(2) การค้นในที่รโหฐานจะต้องมีคำสั่งหรือหมายศาล มาแสดงก่อนจึงจะทำการค้น
(3) ของกลางในคดีละเมิดลิขสิทธิ์ที่ถูกยึดหรืออายัด คือ เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดเท่านั้น เช่น คอมพิวเตอร์ที่บันทึกเพลงละเมิดลิขสิทธิ์ เป็นต้น
(4) กรณีตกเป็นผู้ต้องหาย่อมมีสิทธิ์ ดังนี้
ก. สิทธิ์พบและปรึกษาผู้ที่จะเป็นทนายความสองต่อสอง
ข. สิทธิ์ได้รับการเยี่ยมตามสมควร
ค. สิทธิ์ได้รับการรักษาพยาบาล โดยเร็วเมื่อเกิดอาการเจ็บป่วย
ง. สิทธิ์ขอทราบข้อกล่าวหาในการกระทำความผิด เนื่องจากบุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมายและได้รับการความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกันโดยไม่เลือกปฏิบัติ
(5) การประกันตัวผู้ต้องหา หลักฐานที่ต้องนำมาใช้ในการประกันตัวผู้ต้องหา คือ โฉนด ที่ดิน เงินสด หรือบุคคลที่เป็นข้าราชการพลเรือนตำแหน่งระดับ 6 ขึ้นไป กรณีนี้คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2546 ให้ถือปฏิบัติห้ามไม่ให้ข้าราชการประกันตัวผู้ต้องหาในคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
หลักเกณฑ์เบื้องต้นในการพิจารณาสินค้าลอกเลียนแบบ
การพิจารณาสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญามีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเบื้องต้น
3 ประการ ดังนี้
1. สถานที่จำหน่ายสินค้า
1.1 กรณีสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้า
สินค้าของแท้จะวางขายตามร้านค้าที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าที่มีหลักแหล่งเป็นที่แน่นอน
เช่น ในห้างสรรพสินค้า ดิเอ็มโพเรี่ยม สยามพารากอน และเกษรพลาซ่า เป็นต้น สินค้าของปลอมหรือลอกเลียนแบบจะวางตามร้านค้าหรือแผงลอยริมฟุตบาท
ตามแหล่งท่องเที่ยวหรือตลาดเปิดท้ายขายของ
หรือวางโชว์เฉพาะแคตตาล๊อคสินค้าให้ลูกค้าเลือกซื้อ
1.2 กรณีสินค้าลิขสิทธิ์
สินค้าของแท้จะวางขายตามร้านค้าหรือแผงลอยที่มีหลักแหล่งเป็นที่แน่นอน มีเอกสารการจดทะเบียนพาณิชย์ ใบร้านค้าสินค้าลิขสิทธิ์
และใบอนุญาตค้าของกรมส่งเสริมวัฒนธรรมแสดงที่ร้านค้าหรือแผงลอย
สินค้าของปลอมส่วนมากจะวางโชว์ปกให้ลูกค้าเลือกซื้อ โดยให้จ่ายเงินก่อน และให้รอรับสินค้าประมาณ 10– 15 นาที หรือสะกิดขาย
หรือในบางพื้นที่จะวางโชว์สินค้าของแท้ปะปนกับของปลอม
2. คุณภาพของสินค้า
2.1 กรณีสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้า
สินค้าของแท้จะใช้วัสดุที่มีคุณภาพในการผลิต การผลิตมีความปราณีตและมีการตรวจสอบคุณภาพก่อนนำสินค้าออกวางจำหน่ายในท้องตลาด
จึงเป็นสินค้าที่มีมาตรฐานตามเกณฑ์ของผู้ผลิตแต่ละราย จึงมีความสวยงาม แข็งแรง
ทนทาน ใช้งานได้นาน
สินค้าของปลอมหรือลอกเลียนแบบจะใช้วัตถุดิบที่ไม่มีคุณภาพมาใช้ในการผลิตไม่มีความปราณีตในการผลิตจึงขาดความแข็งแรงทนทานและมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่า
2.1 กรณีสินค้าลิขสิทธิ
สินค้าของแท้กรณีเป็นแผ่นซีดีส่วนใหญ่ จะเป็นแผ่นปั๊มจากโรงงาน
ปกกระดาษจะมีสีสดคมชัด ภาพคมชัด กล่องบรรจุมีรูปทรงสวยงาม
มีโลโก้หรือสัญลักษณ์ของผู้ผลิตอยู่บนแผ่นรวมทั้งระบุแหล่งผลิต
สินค้าของปลอมหรือลอกเลียนแบบส่วนใหญ่จะเป็นแผ่นไรท์จากเครื่องคอมพิวเตอร์
และใช้แผ่นสติ๊กเกอร์ปิดบนแผ่นซีดีแทนการพิมพ์สี ปกใช้วิธีถ่าย เอกสารมีสีไม่คมชัด ส่วนใหญ่บรรจุอยู่ในซองพลาสติก
ไม่มีโลโก้หรือสัญลักษณ์ของผู้ผลิตอยู่บนแผ่นรวมทั้งไม่ระบุแหล่งผลิต
3. ราคาสินค้า
3.1 กรณีสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้า
สินค้าของจริงเป็นสินค้าที่มีต้นทุนในการประดิษฐ์คิดค้น ใช้วัสดุคุณภาพดี มีต้นทุนในการโฆษณาสินค้า
และต้องเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมาย จึงมีราคาสูง
สินค้าของปลอมหรือลอกเลียนแบบไม่มีต้นทุนด้านทรัพย์สินทางปัญญา
ไม่มีต้นทุนในการโฆษณาสินค้า ใช้วัสดุคุณภาพต่ำ และไม่เสียภาษี
จึงมีราคาถูกกว่าสินค้าของแท้เป็นอย่างมาก
3.2 กรณีสินค้าลิขสิทธิ์
สินค้าของจริงมีต้นทุนในการสร้างสรรค์ผลงาน ต้นทุนในการผลิตผลงาน
ต้นทุนในการโฆษณา และต้องเสียภาษีอย่างถูกต้อง
ซึ่งผลงานลิขสิทธิ์ไม่ใช้ประสบความสำเร็จในทุกชุดหรือทุกอัลบั๊ม ราคาสินค้าที่จำหน่ายจึงมีราคาสูง
สินค้าของปลอมหรือลอกเลียนแบบไม่มีต้นทุนในการสร้างสรรค์
ไม่มีต้นทุนในการผลิตผลงาน ไม่มีต้นทุนในการโฆษณา ไม่เสียภาษี
และลอกเลียนเฉพาะสินค้าที่ประชาชนเป็นที่นิยมเท่านั้น
สินค้าที่ผลิตใช้วัสดุคุณภาพต่ำจึงมีราคาถูกกว่าสินค้าของแท้เป็นอย่างมาก
การใช้งานอย่างชอบธรรม
ภาพที่ใช้งานโดยชอบธรรมได้
การใช้งานโดยชอบธรรม (อังกฤษ: Fair use) เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายลิขสิทธิ์ของสหรัฐอเมริกา ที่อนุญาตให้การอ้างถึง
หรือการนำเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ไปประกอบในงานของผู้อื่น
สามารถทำได้บนเงื่อนไขบางประการ คำว่า "การใช้งานโดยชอบธรรม"
นี้เป็นเรื่องเฉพาะของสหรัฐอเมริกา แม้ในประเทศอื่นอาจจะมีหลักการที่คล้าย ๆ กันอยู่บ้างก็ตาม
ซึ่งใช้งานโดยชอบธรรมไม่มีผลตามกฎหมายในประเทศไทย
การใช้งานโดยชอบธรรมประกอบด้วย การใช้โลโก้หรือสัญลักษณ์ทางการค้า
หรือการนำภาพส่วนใดส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ หรือปกหนังสือไปใช้งานในความละเอียดต่ำหรือมีขนาดเล็ก
โดยไม่ทำให้ก่อให้เกิดความเสียหายของสินค้า หรือทำให้สินค้านั้นขาดรายได้
ประเด็นอื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้อง
โปรแกรมงานในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหลายเรื่อง (cross-cutting
issues)
อนุสัญญาฯ
ได้จำแนกระบุประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหลายเรื่อง (Cross-Cutting Issues) ซึ่งมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับโปรแกรมงานในประเด็นหัวข้อสาระสำคัญ (Thematic
Programmes) โดยประเด็นเหล่านี้ระบุอยู่ในมาตรา 6 ถึงมาตรา 20 ของอนุสัญญาฯ ตัวอย่างเช่น
ความปลอดภัยทางชีวภาพ การเข้าถึงทรัพยากรพันธุกรรม ทรัพย์สินทางปัญญา อนุกรมวิธาน
หรือในมาตรา 8 (j) ที่เกี่ยวกับประเด็นความรู้
การประดิษฐ์คิดค้น และวิธีการปฏิบัติของชุมชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่น เป็นต้น
ซึ่งในบางประเด็นมีหัวข้อการจัดทำโปรแกรมงานแล้ว เช่น
โปรแกรมงานว่าด้วยพื้นที่คุ้มครอง
โปรแกรมงานว่าด้วยการถ่ายทอดเทคโนโลยีและความร่วมมือทางเทคโนโลยี
ส่วนประเด็นหัวข้ออื่นๆ
มีการจัดทำหลักการหรือแนวทางเพื่อเป็นพื้นฐานและแนวทางในการดำเนินการ เช่น
แนวทางบอนน์ว่าด้วยการเข้าถึงและแบ่งปันผลประโยชน์จากทรัพยากรพันธุกรรม
และหลักการแอดดิส อาบาบาว่าด้วยการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน เป็นต้น
ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหลายเรื่อง
(cross-cutting
issues) มีดังต่อไปนี้
กรณีศึกษา
กรณีศึกษาเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา
หนึ่ง ปัญหาด้านสิทธิเครื่องหมายการค้า
ชี้แจงปัญหา
ความตระหนักในเรื่องเครื่องหมายการค้าและเครื่องหมายการค้าธุรกิจ
เครื่องหมายการค้า หมายความถึง
สัญลักษณ์เด่นชัดที่ผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการใช้สำหรับสินค้าที่ผลิตหรือประกอบการ
เพื่อจำแนกแยกแยะจากสินค้าประเภทเดียวกันหรือประเภทใกล้เคียงกัน โดยทั่วไปมักประกอบด้วย ตัวอักษร หรือรูปภาพหรือทั้งสองอย่างประกอบกัน
สิทธิเครื่องหมายการค้า หรือสิทธิเฉพาะเครื่องหมายการค้าจดทะเบียน
หมายความถึง
สิทธิที่เจ้าของเครื่องหมายการค้าพึงได้รับจากการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ากับสำนักงานเครื่องหมายการค้าแห่งชาติ
สิทธิเครื่องหมายการค้ามีลักษณะเฉพาะทางกฎหมายดังต่อไปนี้ :
1. การผูกขาด การผูกขาดหรือเรียกว่า
การบ่งใช้เฉพาะ หมายความถึง
สิทธิการผูกขาดในการใช้เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนที่ผู้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าพึงได้รับ
สิทธิการผูกขาดในการใช้เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนที่เจ้าของเครื่องหมายการค้าพึงได้รับ
ผู้ใดก็ตามที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของเครื่องหมายการค้า
ไม่สามารถใช้เครื่องหมายการค้านี้ได้
2. ด้านเวลา กฎหมายได้จำกัดระยะเวลาในการคุ้มครองเครื่องหมายการค้า
เมื่อผ่านพ้นระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดก็สิ้นสุดผลทางกฎหมาย “พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า”ของประเทศจีนกำหนดระยะเวลาการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าให้มีผลบังคับใช้
10 ปี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดว่าเมื่อครบกำหนดระยะเวลาแล้วสามารถทำการต่ออายุได้
โดยไม่จำกัดจำนวนครั้งในการต่ออายุ
3. ด้านขอบเขต ด้านขอบเขตสิทธิเครื่องหมายการค้า
หมายความถึง สิทธิเครื่องหมายการค้ามีผลบังคับใช้ภายในขอบเขตที่กำหนดไว้
พ้นจากขอบเขตที่กำหนดก็สิ้นสุดผลทางกฎหมายในการใช้สิทธิเฉพาะนี้ เจ้าของเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนสามารถใช้สิทธิและได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายเฉพาะในประเทศที่ให้สิทธิเครื่องหมายการค้าเท่านั้น
หากต้องการได้รับความคุ้มครองจากประเทศนั้น
ก็ต้องยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามกฎหมายที่ประเทศนั้นกำหนด
เนื้อหาเรื่องสิทธิเครื่องหมายการค้า ประกอบด้วย สิทธิการใช้
สิทธิการห้าม สิทธิการโอน และสิทธิการอนุญาตให้ใช้ เป็นต้น
1.
สิทธิการใช้ หมายความถึง
สิทธิในการใช้เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของเจ้าของเครื่องหมายการค้าตามที่กฎหมายกำหนดสำหรับสินค้าที่ได้รับการตรวจสอบและอนุมัติแล้ว
2.
สิทธิการห้าม หมายความถึง สิทธิตามกฎหมายของเจ้าของเครื่องหมายการค้าในการห้ามมิให้ผู้อื่นกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง
ซึ่งประกอบด้วย สิทธิในการห้ามมิให้ผู้อื่นกระทำการปลอมแปลง
หรือสร้างสัญลักษณ์เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนไว้เองโดยพลการ
หรือการใช้เครื่องหมายการค้าที่เหมือนหรือใกล้เคียงกับเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนในสินค้าประเภทเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน
3.
สิทธิการโอน หมายความถึง
สิทธิตามกฎหมายของเจ้าของเครื่องหมายการค้าในการโอนเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนนี้ให้กับผู้อื่น
4.
สิทธิการอนุญาตให้ใช้ หมายความถึง
สิทธิของเจ้าของเครื่องหมายการค้าในการลงนามสัญญาการอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้าแก่ผู้อื่น
โดยอนุญาตให้ผู้อื่นสามารถใช้เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนนี้ได้
องค์ประกอบสำคัญของสิทธิเครื่องหมายการค้า คือ
ผู้ที่พึงได้รับสิทธิเฉพาะในเครื่องหมายการค้าจดทะเบียน ซึ่งประกอบด้วย ผู้ยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและได้รับสิทธิเฉพาะในเครื่องหมายการค้า
และผู้ที่ได้รับสิทธิเฉพาะในเครื่องหมายการค้าตามกฎหมายหรือตามสัญญา
ประเภทหลักของสิทธิเครื่องหมายการค้าประกอบด้วย หน่วยงานธุรกิจ
กลุ่มสังคม อุตสาหกรรมพาณิชย์เฉพาะส่วนและห้างหุ้นส่วนบุคคล ผู้ได้รับสิทธิเครื่องหมายการค้าและผู้สืบทอดสิทธิอย่างอื่น
รวมถึงชาวต่างประเทศที่พึงได้รับสิทธิเครื่องหมายการค้า
เรื่องสิทธิเครื่องหมายการค้าก็คือเป้าหมายในการคุ้มครองสิทธิเครื่องหมายการค้าโดยเฉพาะของกฎหมายนั่นเอง
“พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า” และระเบียบดำเนินการเครื่องหมายการค้ากำหนดว่า
รูปแบบการใช้เครื่องหมายการค้าดังต่อไปนี้เป็นรูปแบบที่แสดงถึงการละเมิดสิทธิเฉพาะของเครื่องหมายการค้า
:
1. การใช้เครื่องหมายการค้าที่เหมือนกับเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนในสินค้าประเภทเดียวกันโดยพลการ
2. การใช้เครื่องหมายการค้าที่ใกล้เคียงกับเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนในสินค้าประเภทเดียวกันโดยพลการ 3. การใช้เครื่องหมายการค้าที่เหมือนกันกับเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนในสินค้าประเภทใกล้เคียงกันโดยพลการ 4. การใช้เครื่องหมายการค้าที่ใกล้เคียงกับเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนในสินค้าประเภทใกล้เคียงกันโดยพลการ 5. ขายสินค้าที่ละเมิดสิทธิเฉพาะของเครื่องหมายการค้าจดทะเบียน (แต่ถ้าหากผู้ขายไม่ทราบว่าเป็นสินค้าที่ละเมิดสิทธิเฉพาะของเครื่องหมายการค้าจดทะเบียน สามารถทำการยืนยันได้ว่าสินค้านี้ตนได้รับมาอย่างถูกกฎหมายพร้อมทั้งให้ชื่อผู้มอบสินค้ามา จะไม่ต้องรับผิดชอบภาระในการจ่ายค่าชดเชย 6. ปลอมแปลงหรือสร้างสัญลักษณ์เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของผู้อื่นโดยพลการ 7. ขายสัญลักษณ์เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของผู้อื่นที่ปลอมแปลงมาหรือสร้างขึ้นมาโดยพลการ 8. ใช้ตัวอักษรหรือรูปที่เหมือนหรือใกล้เคียงกับเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของผู้อื่นเป็นชื่อสินค้าหรือประดับสินค้าในสินค้าประเภทเดียวกันหรือประเภทใกล้เคียงกัน ซึ่งทำให้เกิดการเข้าใจผิดได้ 9. พฤติกรรมเจตนาละเมิดสิทธิเฉพาะในเครื่องหมายการค้าของผู้อื่น โดยให้เงื่อนไขอำนวยความสะดวกด้านคลังสินค้า การขนส่ง การส่งทางไปรณีย์ การปิดบังซ่อนเร้นเป็นต้น 10. ทำให้สิทธิเฉพาะในเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของผู้อื่นได้รับความเสียหาย
เครื่องหมายการค้าเป็นสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่มีความสำคัญต่อองค์กร
เป็นอาวุธทางการตลาดในการบุกเบิก ยึดครองและสร้างเสถียรภาพในตลาด การฟูมฟักและรักษาเครื่องหมายการค้าความจริงแล้วเป็นการฟูมฟักและรักษาชื่อเสียงทางการแข่งขันในตลาดของตัวองค์กรเอง
แต่ความเป็นจริง
ปัจจุบันนี้การตระหนักรับรู้ในสิทธิเครื่องหมายการค้าในประเทศจีนนั้นยังไม่เข้มแข็งนัก
หลังจากที่จีนเข้าร่วมองค์กรการค้าโลก(WTO) สงครามตราสินค้าเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของบริษัทข้ามชาติในการแข่งขันกับคู่แข่งและการช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดต่างประเทศ
สถิติจากศาลแสดงว่า :กรณีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิเครื่องหมายการค้าระหว่างบริษัทจีนและบริษัทต่างชาติยังคงเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ยกตัวอย่างเช่นที่เมืองเทียนจิน ก่อนหน้านั้น1ปี
ศาลประชาชนสูงสุดของเมืองเทียนจินโดยเฉลี่ยแล้วไม่มีคดีต่างชาติเกี่ยวกับสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา
ทว่าเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน ค.ศ.2001 จนถึงเดือนกันยายน
ค.ศ.2002 มีคดีต่างชาติเกี่ยวกับสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาถึง
8 คดี หลังประเทศจีนเข้าร่วมในองค์กรการค้าโลก
ทำให้บริษัทในประเทศจีนต้องเผชิญหน้ากับการแข่งขันในตลาดที่รุนแรงยิ่งขึ้น
ซึ่งจำเป็นต้องเพิ่มการตระหนักรับรู้เกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิเครื่องหมายการค้าเป็นการด่วน
และเป็นผู้ใช้กฎระเบียบข้อบังคับคุ้มครองเครื่องหมายการค้าเพื่อรักษาสิทธิเครื่องหมายการค้าของตน
พร้อมทั้งทำความคุ้นเคยโดยเร็วกับกฎระเบียบข้อบังคับคุ้มครองเครื่องหมายการค้าที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้จะได้ไม่ละเมิดเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นเพราะความไม่เข้าใจในกฎระเบียบข้อบังคับ
โดยข้างล่างนี้เป็นกรณีศึกษาเรื่องการคุ้มครองสิทธิเครื่องหมายการค้าของ
“เสียวหม่าจวี/ลูกม้าน้อย” ซึ่งแสดงให้เห็นว่า
องค์กรในประเทศจีนต้องยกระดับความตระหนักรับรู้ในสิทธิเครื่องหมายการค้าเป็นการเร่งด่วน
กรณีศึกษาที่ 1
กรณีศึกษาเรื่องการคุ้มครองสิทธิเครื่องหมายการค้า“เสียวหม่าจวี/ลูกม้าน้อย”
วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2001 คณะพิจารณาตรวจสอบเครื่องหมายสำนักงานอุตสาหกรรมและพาณิชย์แห่งชาติ(ต่อไปนี้เรียกย่อว่าคณะพิจารณาพาณิชย์)ส่งหนังสือการพิจารณาตรวจสอบการค้า
เลขที่ 159 (ปีค.ศ.2001) หัวข้อเรื่อง
“หนังสือตัดสินชี้ขาดอีกครั้งเรื่องการเพิกถอนเครื่องหมายการค้าเลขที่
753570 “เสียวหม่าจวี/ลูกม้าน้อย”” ไปยังหน่วยงานใต้บังคับบัญชา
ในที่สุดเรื่องราวที่สำนักงานเครื่องหมายการค้ามหานครฉงชิ่งได้เป็นตัวแทนในคดีการคุ้มครองเครื่องหมายการค้าที่ดำเนินมาเป็นระยะเวลาสองปีได้บังเกิดผลในที่สุด
เครื่องหมายการค้า“เสียวหม่าจวี/ลูกม้าน้อย”ที่เป็นสินทรัพย์ไม่มีตัวตนแต่มีมูลค่าค่อนข้างสูงนั้นไม่ได้สูญเสียให้กับต่างประเทศไป
แต่ได้กลับมาสู่อ้อมอกของฉงชิ่งอีกครั้ง
เครื่องหมายการค้า“เสียวหม่าจวี/ลูกม้าน้อย”เป็นของโรงงานผลิตเสื้อผ้าม้าดำในมหานครฉงชิ่ง(ต่อไปนี้เรียกย่อว่า “โรงงานม้าดำ”) ในปี ค.ศ. 1993ได้ยื่นคำร้อง วันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ.1996 สำนักเครื่องหมายการค้าสำนักงานอุตสาหกรรมและพาณิชย์แห่งชาติได้ตรวจสอบและอนุมัติการจดทะเบียน
ทะเบียนการค้าเลขที่ 753570 แต่เนื่องจากตลาดอ่อนแรง
ขาดทุนอย่างหนัก
โรงงานม้าดำจึงถูกโรงงานเครื่องจักรสิ่งทอที่หนึ่งมหานครฉงชิ่งควบรวมกิจการโดยวิธีรับผิดชอบแบกรับภาระหนี้สิน
ทว่าไม่ได้ดำเนินขั้นตอนการโอนเครื่องหมายการค้าให้ ขณะเดียวกันก็ได้จัดตั้งกลุ่มชำระบัญชีทรัพย์สินคดีล้มละลาย(ต่อไปนี้เรียกย่อว่า
“กลุ่มชำระบัญชี” หลังจากนั้นก็ได้จัดการผลิตและขายสินค้าคงคลังในนามของกลุ่มชำระบัญชี
แต่ในขณะนั้นยังคงไม่ได้จัดการเรื่องการโอนเครื่องหมายการค้า
ซึ่งได้ทิ้งภัยพิบัติซ่อนเร้นเอาไว้
ก่อนหน้าที่โรงงานเครื่องจักรสิ่งทอจะล้มละลาย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1997 บริษัทพันธมิตรรักบี้แห่งชาติอเมริกาได้ใช้ชื่อเดียวกันนี้ยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าประเภทเดียวกันในประเทศจีน
แต่ถูกตีกลับโดยอ้างอิงถึงโรงงานม้าดำที่ได้จดทะเบียน“เสียวหม่าจวี/ลูกม้าน้อย”ไปก่อนแล้ว แต่บริษัทนี้ไม่ล้มเลิกความตั้งใจ
โดยได้มอบหมายให้บริษัท ตัวแทนสิทธิบัตรจีน (ฮ่องกง)
จำกัดเป็นผู้แทนในการคิดหามาตรการเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิในเครื่องหมายการค้า
บริษัทตัวแทนนี้รู้เพียงสถานการณ์ที่โรงงานม้าดำถูกควบกิจการล้มละลาย
ฉะนั้น เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ.1998
จึงยื่นคำร้องต่อสำนักเครื่องหมายการค้าสำนักงานอุตสาหกรรมและพาณิชย์แห่งชาติ
ให้เพิกถอนสิทธิเครื่องหมายการค้า
โดยให้เหตุผลว่าโรงงานม้าดำไม่ได้ใช้เครื่องหมายการค้า “เสียวหม่าจวี/ลูกม้าน้อย”
มาเป็นเวลาติดต่อกันสามปีแล้ว สำนักเครื่องหมายการค้าได้รับพิจารณาคำขอนี้ตามข้อกำหนดที่
29 ของ “รายละเอียดระเบียบการปฏิบัติตามกฎหมายเครื่องหมายการค้าแห่งสาธาณรัฐประชาชนจีน”
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ในปีเดียวกัน
สำนักเครื่องหมายการค้าได้ทำหนังสือส่งออกไปยังโรงงานม้าดำ
เรียกร้องให้นำหลักฐานการใช้เครื่องหมายการค้ามาแสดง แต่ที่อยู่ของโรงงานม้าดำเดิมได้เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นแล้ว
เอกสารจึงไม่มีผู้รับ และไม่สามารถส่งไปถึงมือของกลุ่มชำระบัญชีได้
หลังจากเหตุการณ์ผ่านไปหนึ่งปี
สำนักเครื่องหมายการค้าได้ผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเช่นการประกาศ เป็นต้น
จนกระทั่งวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ.1999 ได้ออกหนังสือเปลี่ยนแปลงเครื่องหมายการค้าเลขที่
446 (ปีค.ศ.1999) หัวข้อเรื่อง “เกี่ยวกับการตัดสินชี้ขาดการเพิกถอนเครื่องหมายการค้าเลขที่ 753570
“เสียวหม่าจวี/ลูกม้าน้อย CQHM และรูป””
เหตุผลคือโรงงานม้าดำไม่ได้ยื่นหลักฐานการใช้เครื่องหมายการค้านี้ตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
โดยเรียกร้องให้โรงงานม้าดำนำยื่น “หลักฐานการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า”
ภายใน 30 วันหลังจากที่ได้รับหนังสือตัดสินชี้ขาดฉบับนี้
แต่โรงงานม้าดำยังคงไม่ได้รับหนังสือฉบับนี้
โดยหนังสือได้ถูกไปรษณีย์ตีกลับไปยังสำนักเครื่องหมายการค้าในวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ.1999 เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน
กรมอุตสาหกรรมการพาณิชย์แห่งชาติได้ยื่นหนังสือถึงสำนักงานบริหารจัดการอุตสาหกรรมและพาณิชย์มหานครฉงชิ่ง
โดยสั่งการให้ยึดหลักฐานการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า “เสียวหม่าจวี/ลูกม้าน้อย”
ซึ่งได้ดึงดูดความสนใจจากสำนักงานอุตสาหกรรมและพาณิชย์ฉงชิ่งเป็นอย่างมาก
แต่ขั้นตอนทั้งหมดได้เสร็จสิ้นลงแล้ว โดยที่“เสียวหม่าจวี/ลูกม้าน้อย”ถูกตัดสินในครั้งแรกให้ต้องโทษ “ประหารชีวิต”
ช่วงเวลานี้ สำนักราชการมหานครฉงชิ่งได้ยื่นหนังสือไปยังคณะพิจารณาพาณิชย์เพื่อขอความสนับสนุนและคุ้มครองผลประโยชน์ตามกฎหมายให้กับองค์กร
ผู้บริหารกรมอุตสาหกรรมการพาณิชย์ฉงชิ่งได้ให้ความสำคัญพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่
โดยมอบหมายให้ขบวนการสู้รบฝีมือดีคอยให้บริการในครั้งนี้ ขณะเดียวกันก็ได้ยื่นหนังสือไปยังคณะพิจารณาพาณิชย์เพื่ออธิบายเหตุการณ์พร้อมเสนอความคิดเห็นในการคุ้มครองสิทธิ
ซึ่งเป็นการวางรากฐานอย่างมั่นคงให้กับการพิจารณาตัดสินคดีนี้อีกครั้ง
ศาลชั้นสูง
ศาลชั้นกลางของมหานครฉงชิ่งได้ทำการตอบปัญหาในหลักสำคัญของคดีนี้อย่างชัดเจนโดยอ้างอิงตามข้อกำหนดกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และให้การสนับสนุนทางกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญในคดีนี้ คณะกรรมการพิจารณาตรวจสอบเครื่องหมายการค้าให้ความสำคัญกับคดีนี้อย่างมาก
โดยได้ทำการศึกษาวิจัยและพิสูจน์หลักฐาน โดยมีคณะผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการจากทั้งมหาวิทยาลัยการเมืองและกฎหมาย
แผนกกฎหมายสำนักงานอุตสาหกรรมและพาณิชย์แห่งชาติ สำนักงานจดทะเบียนบริษัท สำนักงานเครื่องหมายการค้า
แผนกกฎหมายกระทรวงวัฒนธรรม ศาลชั้นกลางที่สองมหานครปักกิ่ง
ศาลชั้นกลางที่หนึ่งมหานครปักกิ่ง และผู้รับผิดชอบจากหน่วยงานตัวแทนเครื่องหมายการค้า
26 แห่งจากทั่วประเทศเข้าร่วมงานสัมมนาในหัวข้อพิเศษ
ทั้งนี้ คณะผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดได้มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า :อ้างอิงตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องจากกฎหมาย
“หลักทั่วไปประมวลกฎหมายแพ่ง” “กฎหมายองค์กร” เป็นต้นนั้น
หลังจากที่โรงงานผลิตเสื้อผ้าม้าดำมหานครฉงชิ่งได้ถูกโรงงานเครื่องจักรสิ่งทอที่หนึ่งมนานครฉงชิ่งควบรวมกิจการแล้ว
สิทธิและภาระหน้าที่นี้ควรเป็นสิ่งที่โรงงานเครื่องจักรสิ่งทอที่หนึ่งมนานครฉงชิ่งพึงได้รับและต้องรับผิดชอบ
สิทธิเครื่องหมายการค้า“เสียวหม่าจวี/ลูกม้าน้อย”เป็นส่วนหนึ่งของสิทธิในทรัพย์สินของบริษัทโรงงานม้าดำมหานครฉงชิ่งซึ่งถูกโรงงานเครื่องจักรสิ่งทอที่หนึ่งมนานครฉงชิ่งมารับช่วงต่อไป
สิทธิเครื่องหมายการค้า“เสียวหม่าจวี/ลูกม้าน้อย”นั้นไม่ได้เป็นเพราะผู้มีสิทธิ์ในเครื่องหมายการค้าเดิมถูกลบออกจากทะเบียนจึงทำให้เกิดการสูญสิ้นซึ่งสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้น
นี่เป็นความจริงตามกฎหมาย สำหรับกรณีที่โรงงานเครื่องจักรสิ่งทอที่หนึ่งมนานครฉงชิ่งไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือโอน
ณ สำนักงานเครื่องหมายการค้านั้น เป็นเพียงความบกพร่องทางพฤติกรรม
ไม่ได้ส่งผลให้เครื่องหมายการค้าถูกเพิกถอน ภายใต้เงื่อนไขนี้
การให้สำนักงานเครื่องหมายการค้าเป็นผู้เกี่ยวข้องดำเนินการเพิ่มเติมตามขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือโอน
จึงเป็นการสมเหตุสมผล ซึ่งเมื่อพิจารณาจากความสัมพันธ์ด้านทรัพย์สินแล้วก็ถูกต้องกฎหมายด้วย
กลุ่มชำระบัญชีเป็นนิติบุคคลที่มีคุณสมบัติทางแพ่ง
มีสิทธิ์ในการเรียกร้องให้คณะพิจารณาพาณิชย์ทำการพิจารณาตัดสินใหม่อีกครั้ง
จากสถานการณ์ที่โรงงานม้าดำฉงชิ่งไม่ได้ใช้เครื่องหมายการค้า“เสียวหม่าจวี/ลูกม้าน้อย”เป็นเวลาสามปีนั้น
ยังไม่ได้เป็นความจริงตามกฎหมาย
สำนักงานเครื่องหมายการค้าจึงยกเว้นข้อบกพร่องให้สำหรับเครื่องหมายการค้านี้
และท้ายที่สุดเมื่อคณะพิจารณาตรวจสอบได้ทำการตรวจสำนวนคดีอย่างรอบคอบแล้ว
จึงได้ทำการตัดสินชี้ขาดดังที่กล่าวมาในข้างต้น
|
อ้างอิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น